ฟูแล่มสร้างความฮือฮาด้วยการเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 4-3 ในการดวลจุดโทษ หลังจากเกมจบลง 1-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของฟูแล่มเหนือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเอฟเอคัพนับตั้งแต่ปี 1908 คัลลัม บาสซีย์ทำประตูให้ฟูแล่มขึ้นนำก่อนหมดครึ่งแรก แต่บรูโน่ เฟอร์นันเดสทำประตูตีเสมอให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในนาทีที่ 71
เกมดำเนินไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ไม่มีทีมใดหาผู้ชนะได้ ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟและโจชัว เซิร์กซีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต่างก็ยิงจุดโทษไม่เข้า ขณะที่แอนโธนี่ โรบินสันและวิลเลียนของฟูแล่มก็ยิงประตูได้ เบิร์นด์ เลโน่เซฟลูกยิงสำคัญสองครั้งให้กับฟูแล่มในการดวลจุดโทษ รวมทั้งลูกยิงของลินเดเลิฟด้วย
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตกรอบเอฟเอคัพอย่างน่าผิดหวัง ซึ่งพวกเขาพยายามป้องกันแชมป์อยู่ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ เวย์น รูนี่ย์ แสดงความผิดหวัง โดยกล่าวว่า “นั่นเป็นการสรุปฤดูกาลของพวกเขาจริงๆ น่าผิดหวังมากจริงๆ ด้วยจำนวนทีมชั้นนำที่ตกรอบไปแล้ว นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด”
ในทางกลับกัน ชัยชนะของฟูแล่มถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับสโมสรที่ไม่เคยคว้าถ้วยรางวัลสำคัญๆ ได้เลยในประวัติศาสตร์ ตอนนี้พวกเขาจะได้เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของเอฟเอ คัพ ซึ่งพวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับคู่แข่งรายใหม่
ในแมตช์นี้ รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังทำการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นหลายคน แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่เพียงพอที่จะคว้าชัยชนะมาได้ ชัยชนะของฟูแล่มเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นและความอดทนของพวกเขา และพวกเขาจะพยายามรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ในการแข่งขันในอนาคต
ชัยชนะของฟูแล่มทำให้มีการแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศที่น่าตื่นเต้น และแฟนๆ จะตั้งหน้าตั้งตารอการจับฉลากเพื่อดูว่าพวกเขาจะพบกับใครในนัดต่อไป
แม้ว่าลีกนี้จะอยู่นอกเหนือการเข้าถึงของปีศาจแดงโดยสิ้นเชิง แต่พวกเขาก็ยังหวังโอกาสที่จะคว้าแชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีกอยู่