ถือเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ ลิโอเนล เมสซี่ จะยิงได้ ลา ลีกา ไป 13 ประตูจากการลงสนาม 14 เกม โดยมี คาริม เบนเซม่า ของ เรอัล มาดริด ที่ยิงไปแล้ว 12 ประตู ตามมาด้วย หลุยส์ ซัวเรซ 11 ประตู
เมสซี่ คือตัวเต็งที่คว้ารางวัลดาวซัลโวของยุโรป แม้ว่าวัยจะล่วงเลยมาถึงอายุ 32 ปี พร้อมกับมีปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวมีคุณภาพที่น้อยลงแต่อย่างใด
ตอนนี้คนที่นำดาวซัลโวคือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ของ บาเยิร์น มิวนิค ฤดูกาลที่แล้วยิงไป 22 ลูกจากการลงสนาม 32 เกม มีค่าเฉลี่ย 1.67 ลูกต่อเกม ส่วนฤดูกาลนี้ ยิงไป 19 ลูกจากการลงสนามในบุนเดสลีก้า 18 นัด และอีก 10 ลูก จากการลงสนาม 5 นัด ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ ปาโก้ อัลคาเซร์ กับ มาร์โก รอยส์ ของซุปตาร์จาก ดอร์ทมุนด์ ยิงไป 18 และ 17 ประตูตามลำดับ ส่วน ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงจาก ไลป์ซิ๊ก มีอัตราต่อรองแทง 1 จ่าย 9.00 เท่า
นอกจาก เมสซี่ และ เลวานดอฟสกี้ ที่เป็นตัวเต็งในปีนี้ อาจจะมี เจมี่ วาร์ดี้ วัย 33 ปี ที่ยิงไป 18 ประตู ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เป็นม้ามืด เช่นเดียวกับ เอเมริค โอบาเมยอง ที่ยิงไปแล้ว 14 ประตู โดย วาร์ดี้ มีอัตราต่อรองว่าจะคว้าดาวซัลโวยุโรปแทง 1 จ่าย 25.00 เท่า
ด้านศึก กัลโช่ เซเรีย อา ถือว่าเซอร์ไพรส์ เพราะตัวเต็งคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ โรเมลู ลูกากู และ เอดิน เชโก้ ทว่าไปๆ มาๆ เป็น ชิโร่ อิมโมบิเล่ จาก ลาซิโอ ที่ยิงไป 19 ประตู ส่วน ลูกากู และ โรนัลโด้ ที่ยิง 14 กับ 12 ประตู ตามลำดับ
ส่วน ลีก เอิง ฝรั่งเศส เป็น วิสซัม เบน เยดเดอร์ จากโมนาโก ที่ยิงไปแล้ว 18 ประตู ขณะที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้, เนย์มาร์, เอดิสัน คาวานี่ และ มุสซ่า เดมเบเล่ มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนตลอด ทำให้มีเพียง มุสซ่า เดมเบเล่ กับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ รายเดียวที่ไล่มาห่างๆ ที่ 11 ประตู