เชลซีและอาร์เซนอลเสมอกันอย่างดุเดือด 1-1 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกไม่สามารถฉวยโอกาสจากการที่ต้องเจอกับผู้เล่น 10 คนนานกว่า 50 นาที
การแข่งขันดุเดือดตั้งแต่ต้นเกมและจบลงด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายรู้สึกว่าพวกเขาสมควรได้รับแต้มแล้ว
จุดเปลี่ยนของครึ่งแรกเกิดขึ้นในนาทีที่ 38 เมื่อโมเสส ไกเซโด ถูกไล่ออกจากสนามหลังจากการตรวจสอบ VAR จากการเข้าสกัดมิเกล เมริโนด้วยความเร็วสูงและอันตราย
การถูกไล่ออกทำให้เชลซีต้องทำงานหนักขึ้น แต่ทีมของเอนโซ มาเรสกาก็ตอบโต้ได้อย่างน่าประทับใจหลังจบครึ่งแรก
เพียงสามนาทีของครึ่งหลัง เชลซีก็สร้างความประหลาดใจให้กับอาร์เซนอล เมื่อเทรโวห์ ชาโลบาห์ โหม่งลูกเปิดของรีซ เจมส์ เข้าไปให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0
สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระเบิดฟอร์มอีกครั้ง เมื่อเดอะบลูส์ที่เหลือ 10 คนแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่และความสงบ แม้จะเสียเปรียบในด้านจำนวนผู้เล่น
ในที่สุดอาร์เซนอลก็กลับมาเข้าจังหวะและตีเสมอได้ในนาทีที่ 59 จากลูกโหม่งของเมริโนที่โหม่งบอลให้บูกาโย ซากา
ประตูนี้ทำให้ทีมเยือนตีเสมอได้ แต่ถึงแม้จะครองบอลได้เหนือกว่า ทีมของมิเกล อาร์เตตาก็ยังไม่สามารถสร้างโอกาสทำประตูได้อย่างชัดเจน เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน อาร์เซนอลมีโอกาสยิงเพียง 6 ครั้งเท่านั้น
ช่วงท้ายเกมเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งสองฝั่งต่างมีจังหวะสำคัญ โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูเชลซี โชว์เซฟสำคัญช่วงท้ายเกม เพื่อป้องกันเมริโน ก่อนที่วิกเตอร์ เกียวเคเรส จะโหม่งบอลเข้าประตู ทำให้กองหน้าอาร์เซนอลได้รับใบเหลือง
อีกด้านหนึ่ง เปโดร เนโต้ พลาดโอกาสทอง ยิงข้ามคานออกไป ทั้งที่เพื่อนร่วมทีมคาดหวังจะได้บอล
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที ทำให้เกิดโอกาสสุดท้าย เมื่อยูร์เรียน ทิมเบอร์ โหม่งบอลออกไปข้างสนามจากลูกเปิดของปิเอโร ฮินกาปีเอ โดยมีเกียวเคเรสยืนรออยู่ด้านหลัง
ผลเสมอครั้งนี้ทำให้อาร์เซนอลมีคะแนนนำห่างจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกถึง 5 คะแนน ขณะที่เชลซีสมควรได้รับเครดิตจากฟอร์มการเล่นที่ดุดันที่ทำให้จ่าฝูงไม่สามารถไล่ตามขึ้นไปได้
อาร์เซนอลจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของเบรนท์ฟอร์ดในวันพุธนี้ ขณะที่เชลซีจะไปเยือนลีดส์ ยูไนเต็ด















