เรอัล มาดริด จัดการเขี่ยเช่าเก่ารายการ แชมเปียนส์ลีก อย่าง แมนฯ ซิตี้ ตอรบอก่อนรองชนะเลิศ ด้วยการดวลจุดโทษชี้ขาดที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อเย็นวันพุธ
ลูกทีมของคาร์โล อันเชล็อตติเสมอ 3-3 ในเลกแรก และน่าจะจบการแข่งขันและผ่านเข้ารอบ 90 นาทีปกติได้ หากพวกเขารักษาประตูของโรดรีโก้ได้ในนาทีที่ 15 ขณะที่ลอส บลังโกสขึ้นนำในการพักเบรก ความกดดันอันมหาศาลของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็จ่ายออกไปผ่านเควิน เดอ บรอยน์ โดยเหลือเวลาอีก 15 นาที
อย่างไรก็ตาม ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศฤดูกาลที่แล้วด้วยการเอาชนะเรอัล มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ แต่เกมนี้ไม่สามารถหาผู้ชนะได้แม้แต่ในช่วง 30 นาทีพิเศษจึงต้องไปตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ และในขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำประตูแรกผ่านจูเลียน อัลวาเรซ ขณะที่ เรอัล มาดริด พลาดเป้าแรกไปจาก ลูก้า โมดริช
น่าเสียดายที่แชมป์อังกฤษล้มเหลวในกุมความได้เปรียบ เนื่องจากแบร์นาร์โด ซิลวา และมาเตโอ โควาซิชยิงไม่เข้า โดยจู๊ด เบลลิงแฮม และลูคัส ยิงให้ เรอัล มาดริด พลิกขึ้นนำเป็น 2-1
ผู้รับหน้าที่ที่เหลือจากทั้งสองฝ่ายทั้งสองฝ่ายไม่พลาด แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้วกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ ทำให้พวกเขาชวดป้องกันแชมป์ไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลากลับไปสู่เอฟเอ คัพสุดสัปดาห์นี้ในการเผชิญหน้ารอบรองชนะเลิศกับเชลซี ขณะที่ เรอัล มาดริด จะเข้ารอบไปเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค เป็นลำดับต่อไปหลังจากที่ บาเยิร์น เอาชนะอาร์เซนอล 1-0 เมื่อวันพุธ แต่รวมผลสองนัดด้วยสกอร์ 3-2
จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางของเรอัล มาดริด แสดงความโล่งใจอย่างมากหลังจากเกมที่ยากลำบากกับคู่ต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้
“มันโล่งใจ คุณทุ่มเทกับเกมมาก ผมเคยเล่นกับซิตี้มาก่อนแล้วพวกเขาก็แย่งบอลไปจากคุณ ผมแทบตายในตอนท้าย มันยากมาก พวกเขาคอยไล่บอลอย่างต่อเนื่อง” และเคลื่อนตัวคุณไปรอบๆ ทีมส่วนใหญ่จะแตกสลายเมื่อซิตี้แซงหน้าคุณ แต่เรายืนหยัดได้ดีมาก” เบลลิงแฮม กล่าว