โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เข้าชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 และยังให้โอกาสตัวเองคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากผ่านเปแอสเชเมื่อเย็นวันอังคารด้วยชัยชนะ 1-0 ที่ปาร์กเดอแพร็งซ์เพื่อเอาชนะเปแอสเช ของการแข่งขันด้วยสกอร์รวม 2-0
ดอร์ทมุนด์ชนะเลกแรก 1-0 และทำให้แชมป์ฝรั่งเศสเงียบไปอีก 90 นาที ไม่ใช่เพราะ เปแอสเช ขาดความพยายามซึ่งพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพลิกสถานการณ์การขาดดุล
อาชราฟ ฮาคิมี่ เป็นภัยคุกคามสำคัญจากทางฝั่งขวาในขณะที่เขารบกวนการป้องกันของ ดอร์ทมุนด์ ด้วยการจ่ายบอลไปที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งมองไปทางด้านหลังจากปีกซ้าย
เอ็มบัปเป้ ยังเป็นผู้นำการโจมตีในขณะที่เขาแซงกองหลังสามคนอย่างชำนาญก่อนที่ ออสมาน เดมเบเล่ จะเล่นสกีจากระยะใกล้ ดอร์ทมุนด์ได้โอกาสทองจากคาริม อเดเอมิ แต่เขายิงตรงไปที่จานลุยจิ ดอนนารูมา เท่านั้น
ในครึ่งหลัง วอร์เรน ซาอีร์-เอเมรี มีโอกาสให้เปแอสเชขึ้นนำจากระยะเพียง 6 หลา แต่ลูกยิงของเขาชนเสาอย่างน่าผิดหวัง ในที่สุดหมัดดูดก็มาครู่ต่อมาเมื่อแมตต์ฮัมเมลส์มุ่งหน้ากลับบ้านจากมุมในนาทีที่ 50
แม้ว่า เปแอสเช พยายามตีเสมอแต่ก็ไม่สามารถทำได้จนจบเกม แต่วิธีที่ ดอร์ทมุนด์ คว้าชัยชนะมานั้นยังคงไม่น่าเชื่อ ดังที่ มาร์โก รอยส์ อธิบาย ซึ่งรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศกับ ดอร์ทมุนด์ อีกครั้ง โดยเฉพาะ ในฤดูกาลสุดท้ายของเขา
“เกินบรรยาย หลังจากผ่านไปกว่า 10 ปี ผมเข้าชิงกับโบรุสเซียอีกครั้ง อุสมาน และอัชราฟ จ่ายบอลได้มหาศาลและเราทนทุกข์ทรมานมากมาย เราชนะเกมนี้ได้อย่างไร ไม่มีใครถามพรุ่งนี้ ช็อตชนเสา” พรุ่งนี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เข้ารอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน” รอยส์ กล่าว
ดอร์ทมุนด์จะรอดูคู่แข่งของพวกเขา ขณะที่เรอัล มาดริดเปิดบ้านรับบาเยิร์น มิวนิคในวันพุธนี้ ในรอบรองชนะเลิศนัดที่สอง ด้วยสกอร์รวม 2-2 จากเลกแรก