ศึกเอลกลาซิโก้สุดสัปดาห์นี้เป็นศึกที่น่าจับตามองที่สุด เพราะทีมของฮันซี่ ฟลิคจะพยายามรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ให้ได้ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบวในวันเสาร์นี้
สองยักษ์ใหญ่เข้าสู่ศึกนี้ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมเมื่อต้องเจอกับทีมชั้นนำของเยอรมนี โดยลูกทีมของคาร์โล อันเชล็อตติเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 5-2 ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่ตามหลัง 2-0 ในช่วงพักครึ่ง ขณะที่บาร์เซโลน่าซึ่งทำสกอร์ได้ไม่น้อยก็ถล่มบาเยิร์น มิวนิค ที่สนามกีฬาโอลิมปิก 4-1 ในเวลาต่อมา 24 ชั่วโมง
ราชันชุดขาวใกล้จะทำลายสถิติของบาร์เซโลน่าที่ไม่แพ้ใครในลาลีกา 43 นัด (ชนะ 31 เสมอ 11) หลังจากที่อันเชล็อตติฉลองการคุมทีมในลีกนัดที่ 200 ด้วยการเอาชนะเซลต้า บีโก้ 2-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ เอล กลาซิโก้ ครั้งนี้ยังเป็นครั้งที่ 17 ของกุนซือชาวอิตาลี แต่สำหรับฮันซี่ ฟลิค นี่จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของฮันซี่ ฟลิคในดาร์บี้แมตช์ใหญ่ที่สุดของสเปน นับตั้งแต่เขารับตำแหน่งกุนซือบาร์ซ่าเมื่อช่วงซัมเมอร์
แม้ว่าทีมโค้ชของเรอัล มาดริดจะสามารถดึงคีลิยัน เอ็มบัปเป้มาคุมทีมได้ แต่สถิติการทำประตูและแอสซิสต์ของจู๊ด เบลลิงแฮมกลับลดลง แต่โดยรวมแล้ว ถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม และหากพวกเขาคว้าชัยชนะในวันเสาร์นี้ พวกเขาก็จะเท่ากับบาร์ซ่าในสถิติเดิม
สำหรับบาร์ซ่า ฟอร์มการเล่นของพวกเขาถือว่าน่าเหลือเชื่อมากเมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้เล่นบาดเจ็บที่เผชิญในช่วงต้นฤดูกาล
ทีมชนะไปแล้ว 9 จาก 10 เกมในลีกและเก็บไปได้ 27 แต้ม ซึ่งฟอร์มการเล่นทำให้พวกเขานำเป็นจ่าฝูงด้วย 3 แต้ม และตอนนี้พวกเขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในลีกสูงสุดของสเปนอย่างสบายๆ ด้วยผลงาน 33 ประตู เฉลี่ยมากกว่า 3 ประตูต่อเกม
นอกจากนี้ ทีมของฟลิคยังชนะรวด 4 นัดติดต่อกันในทุกรายการ รวมถึงนัดที่ชนะเซบีย่า 5-1 ในลาลีกาเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
เนื่องจากเจ้าบ้านในวันเสาร์นี้จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของวินิซิอุส จูเนียร์และลูกทีมของเขา บาร์เซโลน่าจึงจะมีราฟินญ่า ซึ่งทำแฮตทริกได้ในเกมที่ถล่มบาเยิร์น มิวนิค 4-1 เมื่อคืนวันพุธเป็นกำลังหลัก ขณะที่ลามีน ยามาลจะลงเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายของเรอัล
และด้วยผู้เล่นจากแคว้นคาตาลันที่เริ่มกลับมาฟิตสมบูรณ์ สัญญาณต่างๆ จึงเป็นไปในเชิงบวกมากสำหรับบาร์เซโลน่า ซึ่งจะตามหลังเกมเอล กลาซิโกด้วยดาร์บี้แมตช์แคว้นคาตาลันกับเอสปันญอล