พรีเมียร์ลีกในวันเสาร์ที่ผ่านมาไฮไลท์ อยู่ที่ศึก แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ ที่เป็นการกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยสองหนก่อนหน้านี้ แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้สองเกมติด ทว่าผลการแข่งขันกลับเป็น ยูไนเต็ด ที่เอาชนะไปได้ 2-1
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กวาดทุกแชมป์รายการในประเทศเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทว่าปีนี้ออกสตาร์ทไม่ดีเท่าไหร่ พวกเขาแพ้ไปแล้วถึงสี่เกม และจำนวนการเสียประตูก็เท่ากับตอนจบฤดูกาลที่แล้วพอดิบพอดี แม้ว่าจะยิงประตจูได้เยอะถึง 44 ลูก เฉลี่ย 2.75 ลูกต่อเกมก็ตาม ทว่าเกมรับเป็นปัญหาหลักของพวกเขา เสีย 19 ประตูใน 16 เกม เสียเฉลี่ย 1.19 ลูกต่อเกม เสียเยอะเป็นอันดับ 9 ของลีก ขณะที่ดาวซัลโว มี เซร์กิโอ อเกวโร่ 9 ประตู และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 8 ประตู อยู่ในอันดับท็อปๆ ของลีก
หลังจากแพ้ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ตอนนี้ ซิตี้ มีแต้มตามหลัง ลิเวอร์พูล ถึง 14 คะแนน และตามหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 6 คะแนน 6 แต้ม ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 5 มีแต้มตามหลัง เชลซี 3 คะแนน โดยหลังเกม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้กล่าวว่า “บางที ซิตี้ อาจจะสู้กับทีมชั้นนำในลีกไม่ได้”
ก่อนหน้านี้กระแสทีมฟุตบอลในเมืองเป็นของ ซิตี้ เพราะกวาดแชมป์เป๋นว่าเล่น ขณะที่ อีกฝั่งนึงทำได้แค่เสมอกับ แอสตัน วิลล่า และ เชฟฯ ยูไนเต็ด แต่เกมล่าสุดโมเมนตั้มเปลี่ยนเล็กน้อย เพราะ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะ สเปอร์ส ที่มี มูรินโญ่ คุมทีมมาได้ เกมแดนกลางของพวกเขาดีขึ้น และมีโชคจากการได้จุดโทษทั้งสองแมตช์
แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ มีการคาดการณ์ ซิตี้ จะมีโอกาสชนะในเกมนั้น 80% และมีโอกาสที่ ยูไนเต็ด จะชนะแค่ 10% พอแข่งจริง ซิตี้ ครองบอลได้มากกว่า แต่จังหวะจบเป็น ยูไนเต็ด ที่ได้ประตู พอ ซิตี้ เสียก็เร่งจะเอาคืนจนมีโอกาสจะโดนสวนอยู่หลายครั้ง จบเกม เป็นทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่เอาชนะ ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไปได้
ทำให้ปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครจากทุกรายการมาห้าเกมติด และมีโอกาสที่จะกลับไปติดท็อปโฟร์ในโควต้า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก ซึ่งน่าจะทำให้ ปอล ป็อกบา ตัดสินใจอยู่กับทีมต่อไป และนี่คือบทสรุปของ แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ ในรอบนี้